กีฬา ฟุตซอล ต้นกำเนิดของฟุตซอล เริ่มต้นจากการเล่นฟุตบอลแบบ 5 คน โดย Juan Carlos Ceriani ใช้ในปี 1930 ที่เมืองมอนเตวิโอ ประเทศอุรุกวัย เพื่อใช้ฟุตบอลแบบ 5 คน การแข่งขัน YMCA จัดขึ้นในพื้นที่สนามบาสเก็ตบอล ฟุตบอลในร่มซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกโรงยิมกำลังดึงดูดความสนใจ ฟุตบอลในร่ม ในบราซิล กล่าวกันว่าฟุตซอลมีวิวัฒนาการมาจากสตรีทซอคเกอร์ จนกระทั่งปี 1932 เมื่อโรเจอร์ เกล็นน์ได้กำหนดกฎมาตรฐานที่ใช้ควบคุมการแข่งขัน ฉันใช้กฎและข้อบังคับเหล่านี้มาจนถึงปัจจุบัน
คำว่า ฟุตซอล เป็นคำที่ใช้ในหลายประเทศเพื่ออ้างถึงกีฬาประเภทนี้ โดยมีรากมาจากสเปนหรือโปรตุเกส ฟุตบอลถูกเรียกว่า “FUTbol” หรือ “FUTEbol” และเรียกอีกอย่างว่าภาษาฝรั่งเศสหรือภาษาสเปนเรียกว่าในร่ม SALA ซึ่งแปลว่า ภายใน หรือ ภายใน เป็นการรวมคำว่า “fUtSAl” แต่เป็นคำตามประเทศสหรัฐอเมริกา เฉพาะคำว่า “fUtSAl” (USA) ซึ่งเป็นคำที่เป็นชื่อประเทศสหรัฐอเมริกา คำที่ใช้ . หมายถึงการเตะบอลในสนามในร่มเล็กๆ Five-a-side หรือ 5 คน ซึ่งกลายเป็นคำเรียกแทนคำว่าฟุตบอล นอกจากนี้ในฤดูหนาวยังมีการเล่นฟุตซอลกลางแจ้งอีกด้วย ในบางทวีปของโลกถือเป็นช่วงสิ้นสุดของฤดูกาลแข่งขัน เนื่องจากไม่สามารถจัดการแข่งขันกีฬากลางแจ้งในประเทศที่มีหิมะตกหรืออากาศหนาวจัดได้ ฤดูหนาวยาวนานและสภาพอากาศภายนอกไม่เหมาะสำหรับฟุตบอล จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนหันมาเล่นกีฬาในร่ม และนี่คือที่มาของฟุตบอลในร่ม 5 คน ที่เรียกว่า “ฟุตซอล”การแข่งขันฟุตซอลจัดขึ้นเป็นประจำในประเทศแถบอเมริกาใต้ ฟุตซอลเป็นเกมการแข่งขันที่ชาวอเมริกาใต้เล่นได้ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบราซิลที่มีทักษะเฉพาะตัวในการเล่นฟุตบอลสูง ลีลาเร้าใจ นักเตะดังระดับโลก เช่น เปเล่ ซิโก้ โซคราติส เบเบโต้ โรนัลดินโญ่ และคนดังบราซิลอีกหลายคนที่เคยแข่งขันฟุตซอล นักเตะบราซิล เล่นสนุกมาโดยตลอด และเผยแพร่ฟุตซอลไปทั่วโลกภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และผู้มีความสามารถโดดเด่นจากทั่วทุกมุมโลก
5 ทักษะการเล่น กีฬา ฟุตซอล
- ทักษะการเลี้ยงบอล
ทักษะในการเลี้ยงบอลเป็นทักษะการเล่นฟุตซอลที่แสดงให้เห็นว่า ผู้เล่นมีความชำนาญในการเล่นมากน้อยเพียงใด ซึ่งทักษะในการเลี้ยงบอลมีเป้าหมาย เพื่อหลบหลีกหรือหลอกล่อฝั่งตรงข้าม โดยต้องครอบครองบอลไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อที่จะหาโอกาสทำประตู ซึ่งทักษะการเลี้ยงบอลที่ควรฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้การเลี้ยงบอลด้วยฝ่าเท้า เป็นการเลี้ยงบอลเพื่อเปลี่ยนทิศทาง สามารถเลี้ยงบอลไปได้ทุกทิศ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง โดยใช้ฝ่าเท้าข้างที่ถนัดแตะลูกบอลด้านบน แล้วดึงลูกบอลไปข้างหน้าพร้อมบิดตัวบังในระหว่างเคลื่อนที่ เพื่อเลี้ยงลูกบอลต่อหรือจะยิงก็ได้
การเลี้ยงบอลด้วยเท้าด้านใน เป็นการเลี้ยงบอลเพื่อหลอกล่อ หรือหาโอกาสในการส่งบอลต่อให้เพื่อน โดยใช้เท้าด้านในข้างที่สะดวกเลี้ยงบอลและควบคุมลูก
การเลี้ยงบอลด้วยเท้าด้านนอก เป็นการเลี้ยงบอลโดยใช้เท้าด้านนอก ให้ปลายเท้าขนานกับลูกบอล
ทั้งนี้ ทักษะการเลี้ยงบอลนั้นจำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นอย่างมาก เพื่อให้เกิดความชำนาญ โดยการเลี้ยงบอลที่ดีต้องไม่เกร็งลำตัวส่วนบน และใช้การย่อเข่า เพื่อสร้างความสมดุล - ทักษะการรับ – ส่งบอล
ทักษะในการรับ – ส่งลูกเป็นทักษะการเล่นฟุตซอลที่สำคัญ โดยการส่งบอลสามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ ดังนี้ - การส่งลูกเรียด เป็นการส่งลูกในระยะใกล้ ซึ่งผู้เล่นต้องวางเท้าหลักให้อยู่ห่างจากลูกฟุตซอล โดยมีระยะประมาณ 1 ฝ่ามือ เพื่อให้ลูกบอลเรียดไปกับพื้น
การส่งลูกโด่ง มีลักษณะการวางเท้าไม่ต่างจากแบบเรียด แต่ใช้เท้าข้างที่ถนัดช้อนไปใต้ลูกแล้วเตะให้ลูกโด่งขึ้นจากพื้น
สำหรับการรับบอลต้องคอยดูจังหวะของเพื่อนในทีมให้ดีแล้วใช้เท้าหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายในการรับบอล แต่ต้องระวังไม่ให้ลูกโดนมือและแขน เพราะจะทำให้ผิดกติกาได้ - ทักษะการเดาะบอล
การเดาะบอลสามารถใช้ร่างกายได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น การใช้หลังเท้าเดาะลูกบอล ที่ต้องย่อเข่าเล็กน้อยเพื่อทรงตัวและควบคุมลูก หรือการใช้หน้าขาที่ต้องยกขาให้ตั้งฉาก 90 องศา จัดลำตัวให้ตรง และควบคุมลูกบอลให้ดี หรือการใช้ศีรษะในการเดาะบอล โดยใช้หน้าผากเป็นจุดสัมผัสลูกบอล เป็นต้น - ทักษะการโหม่ง
การโหม่งเป็นหนึ่งในทักษะการเล่นฟุตซอล ที่ใช้หน้าผากสัมผัสกับลูกบอล เพื่อเป็นจุดรับแรงปะทะกับลูกบอล โดยมีจุดประสงค์ในการโหม่ง 3 แบบ คือ โหม่งให้ลูกโด่ง โหม่งระดับอก และโหม่งลงพื้น โดยขณะที่โหม่งต้องลืมตามองลูกอยู่ตลอด เกร็งคอ และใช้การบิดลำตัวเพื่อเปลี่ยนทิศทาง นอกจากนี้ สามารถใช้เข่าและการโยกตัวเพื่อเพิ่มแรงในการโหม่งลูกได้อีกด้วย - ทักษะการยิง
การยิงลูกนั้นสามารถทำได้หลากลายรูปแบบ ทั้งการใช้หลังเท้า ข้างเท้าด้านใน หรือด้านนอก แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้หลังเท้าเพราะทำให้ลูกพุ่งแรง
กฎกติกาเบื้องต้นและสิ่งที่ควรรู้
เมื่อได้เรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตซอลในรูปแบบต่างๆ ไปแล้ว ก่อนจะเล่นฟุตซอลก็ต้องเข้าใจเรื่องฟุตซอลในทุกๆ ด้านอย่างครบถ้วน จะได้สนุกไปกับเกม ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- ระยะเวลาในการแข่งฟุตซอล
ระยะเวลาในการแข่งขันฟุตซอลจะแบ่งออกเป็นครึ่งแรกและครึ่งหลัง ครึ่งละ 20 นาที รวมเป็น 40 นาที โดยมีเวลาให้หยุดพักระหว่างครึ่งนานครั้งละ 10 นาที นอกจากนี้ แต่ละทีมยังสามารถขอเวลานอกได้ครึ่งละไม่เกิน 1 นาที โดยขอได้เพียงครึ่งละ 1 ครั้งเท่านั้น หากไม่ได้ใช้เวลานอกในครึ่งแรกไม่สามารถทบมาใช้ในครึ่งหลังได้ - จำนวนผู้เล่นฟุตซอล
จำนวนผู้เล่นฟุตซอลในแต่ละทีมมีได้ไม่เกินทีมละ 12 คน โดยแบ่งเป็นผู้ลงเล่น 5 คน หนึ่งในนั้นจะต้องมีผู้รักษาประตู 1 คน และอนุญาตให้มีผู้เล่นสำรองได้ไม่เกิน 7 คน ทั้งนี้ สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นเมื่อใดก็ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และผู้เล่นที่เปลี่ยนออกไปแล้วก็สามารถกลับเข้าไปเล่นใหม่ได้เช่นกัน - การนับประตู
การนับประตูจะนับเมื่อบอลทั้งลูกผ่านเส้นประตูที่อยู่ระหว่างเสาทั้งสองข้าง ซึ่งอยู่ใต้คานประตู โดยมีเงื่อนไขว่าผู้เล่นจะต้องไม่ทำผิดกติกาการแข่งขัน โดยผู้เล่นและผู้รักษาประตูฝ่ายรุกไม่สามารถทำประตูได้ด้วยมือและแขน สำหรับทีมใดที่ทำคะแนนได้มากกว่าก่อนจบการแข่งขันก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะไป แต่หากทั้งสองทีมทำประตูได้เท่ากันหรือทำประตูไม่ได้เลยสักทีมก็จะถือว่า เสมอกัน ซึ่งจะต้องยิงลูกโทษเพื่อตัดสินหาผู้ชนะ กีฬา ฟุตซอล